รีวิว ASUS Chromebook Detachable CM3
รีวิว ASUS Chromebook Detachable CM3
รีวิวแท็บเล็ตอเนกประสงค์ ASUS Chromebook Detachable CM3
รีวิว ASUS Chromebook Detachable CM3 ในยุคที่ชีวิตของเราเกือบทุกด้านเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จากการทำงานสู่ชีวิตประจำวัน ASUS Chromebook Detachable CM3 เป็นแท็บเล็ตที่ติดตั้งคีย์บอร์ดซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้พกพาโดยเฉพาะ ระบบปฏิบัติการ ChromeOS ของ Google ในการใช้งานก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟน Android นอกจากนี้ยังมี Play Store ให้คุณดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นและใช้งานได้ทันทีเพียงล็อกอินเข้าสู่บัญชี Google ของคุณก็ใช้งานได้ทันทีเพียงใช้งานตามนี้ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ซึ่งถือว่ามีความคล่องตัวมากกว่าในอดีต
จุดเด่นภายในของ ASUS Chromebook CM3 แบบถอดได้ นอกเหนือจากขนาดตัวเครื่อง 10.5 นิ้วและน้ำหนัก 0.5 กก. แล้ว ยังมีปากกา Garagged USI สำหรับการเขียนอีกด้วย ด้วยการชาร์จด่วน 15 วินาที ใช้งานได้นาน 45 นาทีเต็ม และในแพ็คเกจยังมาพร้อมฝาหลังและคีย์บอร์ดครบชุดพร้อมใช้งานด้วยขาตั้งที่กางออกได้กว้าง 90 องศา เข้าถึงมุมตาของคุณได้อย่างง่ายดาย ปุ่มคีย์บอร์ด ErgoLift ถูกยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้การพิมพ์สะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ด้วยขนาดและน้ำหนักขนาดนี้ คุณจึงไม่จำเป็นต้องนั่งที่โต๊ะคอมพิวเตอร์และพิมพ์อีกต่อไป จะวางไว้บนเคาน์เตอร์เล็ก ๆ สะดวกไม่แพ้กันไม่ว่าจะตั้งตรงมุมร้านกาแฟหรือในรถก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 12 ชั่วโมง
ดีไซน์การออกแบบของ ASUS Chromebook Detachable CM3
Asus Chromebook Detachable CM3 ได้รับการออกแบบให้เป็นแท็บเล็ตที่มีด้านหลังและคีย์บอร์ดแบบพับได้ ทั้งสามส่วนสามารถถอดออกได้ทั้งหมด ทำให้ฝาหลังแบบบานพับที่เปิดเป็นรูปตัว L 90 องศา แป้นพิมพ์เชื่อมต่อกับแท็บเล็ตผ่านขั้วต่อแม่เหล็กพิเศษ เมื่อไม่ได้ใช้งานคุณสามารถนำออกหรือพับขึ้นได้เหมือนกับแท็บเล็ตอื่น ๆ รูปลักษณ์ตัวเครื่องดูค่อนข้างเรียบง่ายไม่มีลวดลายพิเศษใด ๆ
บานพับฝาหลังหุ้มด้วยผ้าเหนือประตูพลาสติกแข็ง ส่วนบานพับก็จะมีข้อต่ออลูมิเนียมเหมือนวงกบประตูห้อง เมื่อเปิดฝาหลัง Asus แนะนำให้เปิดให้กว้างสุด 90 องศาเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงระยะบานพับเกินจนทำให้เกิดความเสียหายและยังมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องจากมุมตาอีกด้วย โดยส่วนตัวผมคิดว่าบานพับฝาหลังแข็งแรงไม่โยกเยกและแม่เหล็กก็ไม่เคยหลุดง่าย
หน้าจอคมชัดของ ASUS Chromebook Detachable CM3
ขนาดหน้าจอ 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1920×1200 แผง IPS นี้ได้รับการอัพเกรดเพื่อเพิ่มอัตราการรีเฟรชเป็น 144Hz ทำให้ภาพนุ่มนวลขึ้นและใช้แผงคุณภาพสูง รับขอบเขตสีกว้าง sRGB 121% ดังนั้นนอกเหนือจากการทำงานบนเอกสาร ดูหนัง และฟังเพลงตามปกติแล้ว คุณยังสามารถใช้มันเพื่อพิสูจน์อักษรอาร์ตเวิร์คหรือวาดด้วยสไตลัส ASUS
หน้าจอได้รับการออกแบบให้มีกรอบหนาทั้งสี่ด้าน โดยมีเว็บแคม และไมโครโฟนติดไว้สำหรับการประชุมออนไลน์ และมีช่องสำหรับเสียบสไตลัสที่มุมขวาบนของหน้าจอ แต่แผงขอบไม่ได้บางมากเหมือนที่แล็ปท็อปหลาย ๆ รุ่นทำ คาดว่ารุ่นปัจจุบันจะมีพื้นที่สำหรับพอร์ตและแผงหน้าจอ และต้องคำนึงถึงความสวยงามอย่างต่อเนื่อง
เสียงลำโพงของ ASUS Chromebook Detachable CM3
มีลำโพง 2 ตัวบน ASUS Chromebook Detachable CM3 ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ขอบของอุปกรณ์เหนือหน้าจอ ในส่วนของเสียงก็ค่อนข้างดัง ชัดเจน แต่เนื้อหาเสียงจะเน้นไปที่เครื่องดนตรีและนักร้องเป็นหลัก เวลาฟังเพลง ไม่ค่อยรองรับเสียงเบสมากนักแต่เหมาะกับการฟัง Podcast หรือฟังระหว่างสนทนามากกว่า การประชุมออนไลน์ ดังนั้นหากต้องการฟังเพลงส่วนตัวผู้เขียนแนะนำให้เชื่อมต่อลำโพงแยกกัน
คีย์บอร์ดของ ASUS Chromebook Detachable CM3
แป้นพิมพ์ CM3 ที่ถอดออกได้ของ ASUS Chromebook จะแยกออกจากแท็บเล็ต เมื่อถอดออก แท็บเล็ตจะเปลี่ยนจากโหมดเดสก์ท็อปเป็นแท็บเล็ต Android เท่านั้น และเปิดหน้า App Collection ที่ใช้แทนส่วนเชื่อมต่อคือขั้วต่ออัจฉริยะสีทอง 5 จุด พร้อมแท่งแม่เหล็กที่เสียบเข้ากับฐานของอุปกรณ์ รูปแบบแป้นพิมพ์เป็นแบบไม่มีปุ่ม Tenkey แต่ปุ่มฟังก์ชันต่าง ๆ แตกต่างจากแท็บเล็ต Windows ซึ่งเป็นปุ่มลัดเฉพาะ ChromeOS
คีย์บอร์ดไม่มีไฟแบ็คไลท์ LED และใช้วิธีการสกรีนตัวอักษรไทยและอังกฤษลงบนปุ่มโดยตรง ดังนั้นจะไม่มีปัญหาในการพิมพ์อย่างแน่นอน แต่เมื่อใช้งานในที่แสงน้อยอาจไม่สะดวกและต้องอาศัยความคุ้นเคยเป็นหลัก การเคลื่อนของปุ่มนั้นตื้นเหมือนกับแป้นพิมพ์แท็บเล็ตทั่วไป ดังนั้นคุณเพียงแค่ต้องออกแรงกดบนปุ่มเพียงเล็กน้อยเมื่อพิมพ์
พอร์ตการเชื่อมต่อของ ASUS Chromebook Detachable CM3
Chromebook Detachable CM3 มีพอร์ตเพียงไม่กี่พอร์ต ทางด้านซ้ายมีปุ่มสำหรับล็อคหน้าจอและเพิ่มหรือลดระดับเสียงของลำโพง ด้านขวาเป็น USB-C 2.0 สำหรับเชื่อมต่อหน้าจอ DisplayPort แยกและชาร์จแบตเตอรี่ผ่าน Power Delivery จับคู่กับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. อีกอันเท่านั้น ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับมาตรฐาน Wi-Fi 5 802.11ax และ Bluetooth 4.2
ในมุมมองของผู้เขียน ถึงแม้พอร์ตเชื่อมต่อจะเป็น USB-C แต่ความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้นเมื่อเทียบกับมาตรฐาน USB 2.0 โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่า ASUS ควรทำให้เป็นมาตรฐาน USB 3.2 ซึ่งจะดีกว่ามาก จะดีกว่าถ้าเพิ่มพอร์ตอื่น ๆ อีก 1-2 พอร์ต เช่น เครื่องอ่านการ์ด MicroSD เพื่อประหยัดงานมากขึ้น หรือช่อง USB-C 3.2 อีกช่องเพื่อให้คุณเชื่อมต่อและถ่ายโอนไฟล์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ติดตามเรื่องไอทีต้องรู้ : อุปกรณ์ไอทีมาแรง
ติดตามเทคโนโลยีเพิ่มเติม : guruit