รีวิว Samsung Galaxy A32
รีวิว Samsung Galaxy A32
รีวิว Samsung Galaxy A32 มาแล้วจ้า สำหรับใครที่สนใจสมาร์ทโฟน Samsung ราคาไม่เกิน 10,000 ในช่วงต้นปี 2021 รับรองว่ารุ่นนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะสเปคจัดเต็ม (ยิ่งกว่ารุ่น 5G) ด้วยหน้าจอ sAMOLED 90Hz รวมถึงกล้องหลัง 64MP และสายเซลฟี่ที่ถูกใจ นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้า 20MP
ส่วนใครที่ดูวิดีโอรีวิว Samsung Galaxy A32 4G ไม่เก่ง สามารถเลื่อนลงไปอ่านบทความรีวิวด้านล่างได้เลย ฉันได้สรุปมาจากวิดีโอรีวิวแล้ว ทีมงานของเราได้เขียนบทความเปรียบเทียบสเปคความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy A32 LTE และ Galaxy A32 5G (และ Galaxy A42 5G) คุณสามารถอ่านได้ที่นี่
รูปลักษณ์ภายนอกของ Samsung Galaxy A32 LTE ดูคล้ายกับรุ่น 5G แทบทุกด้านเมื่อมองแวบแรก แต่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในแง่ของขนาดอุปกรณ์ การจัดวางเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ และอื่น ๆ ดีไซน์หน้าจอรอบกล้องหน้า Galaxy A32 LTE
มาพร้อมกับจอแสดงผล Infinity-U ขนาด 6.4 นิ้ว ประเภทหน้าจอ Super AMOLED ความละเอียด Full HD+ อัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz จอแสดงผลขั้นสูงในตัว หน้าจอ Gorilla Glass 5
รายละเอียดด้านข้าง มุมต่าง ๆ ของ Galaxy A32 LTE เริ่มจากด้านขวา ประกอบด้วยปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มพัก/ปลุก | ลำโพง, พอร์ต USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับการโทร, พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. ด้านล่าง | ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนด้านบน | ถาดซิมการ์ดด้านซ้ายรองรับการใช้งาน 3 ช่องการ์ด (2 นาโนซิม + 1 การ์ด microSD)
สำหรับการปลดล็อกเครื่อง Galaxy A32 LTE สามารถปลดล็อกได้ 2 วิธีหลัก ได้แก่ การปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า และการปลดล็อคผ่านเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านล่างหน้าจอ ทั้ง 2 รูปแบบการปลดล็อคใช้ Samsung Knox ในการควบคุมความปลอดภัย
ดังนั้น การปลดล็อคอาจไม่เร็วเท่าคลิกด่วน ปลดล็อคทันที แต่ถ้าความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ความแม่นยำจะหมดไป สามารถใช้สำหรับการเทรดได้อย่างไร้กังวล
ดีไซน์ด้านหลังของ Samsung Galaxy A32 LTE นั้นแปลกกว่า Samsung รุ่นก่อน ๆ เสียอีก เนื่องจากไม่มีตัวยึดบนโมดูลกล้องแต่เป็นตัวกล้อง จึงโผล่ออกมาทันที ให้ความรู้สึกที่เรียบหรูไปอีกแบบ กลุ่มกล้องหลังของ Galaxy A32 LTE ประกอบด้วย
สำหรับกล้องหลังของ Galaxy A32 LTE มีทั้งหมด 4 ตัว ระยะถือว่าพอเหมาะกับการใช้งานปกติ เน้นใช้งานมุมกว้างและมุมกว้างพิเศษเป็นหลัก ส่วนการซูม รุ่นนี้ซูมเป็นดิจิตอลซูมได้ทุกช่วง แต่ส่วนตัวผมว่าใช้ได้จริง ๆ ในระยะ 2 เท่า ด้วยเซ็นเซอร์ซูม 64MP ให้คุณภาพของภาพถ่ายที่ใช้งานได้ สำหรับการอัปโหลดทางโซเชียลมีเดีย
ในส่วนของการบันทึกวิดีโอ Samsung Galaxy A32 LTE รองรับการบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดสูงสุด 1080p/30fps และไม่มีโหมดป้องกันการสั่นไหว เนื่องจากเป็นซีรีส์ Galaxy A ระดับกลาง อย่างไรก็ตาม หากคุณเดินตามปกติระหว่างการถ่ายวิดีโอ คุณจะไม่เคลื่อนไหวเร็วพอที่จะควบคุมกล้องได้ในระดับหนึ่ง
การประมวลผลรุ่นนี้มีชิปเซ็ตสำหรับเล่นเกม (ระดับกลาง) อย่าง MediaTek Helio G80 + RAM 8GB และหน่วยความจำในตัว 128GB ซึ่งถือว่าเป็นสเปคมาตรฐาน ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป ใช้โซเชียลมีเดีย ดูวิดีโอสตรีมมิ่ง Netflix Youtube และเล่นเกม
แต่อาจต้องปรับการตั้งค่าในเกมขนาดกลางหรือกราฟิกขนาดกลางเพื่อให้ระบบปฏิบัติการทำงานได้อย่างราบรื่น รุ่นนี้ติดตั้ง Android 11 ครอบทับ OneUI 3.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของ Samsung และมีแนวโน้มว่าจะรองรับการทำงานข้ามรุ่น การปรับปรุง
ความจุแบตเตอรี่ในตัว 5000mAh ใช้งานได้ต่อเนื่องระหว่างวันโดยไม่ต้องชาร์จ ด้วยชิปเซ็ตการจัดการพลังงานที่เหมาะสมและหน้าจอ sAMOLED ทำให้การใช้พลังงานไม่สูงมากนัก แต่จะมีข้อสังเกตเรื่องการชาร์จที่รองรับการชาร์จเร็ว 15W เท่านั้น ดังนั้นเวลาในการชาร์จจึงค่อนข้างนาน
ในส่วนของการเชื่อมต่อ 2 ซิมการ์ดของรุ่นนี้รองรับทั้งการเชื่อมต่อ 4G LTE และการรวมผู้ให้บริการในพื้นที่ที่รองรับ การเชื่อมต่อจะเป็น 4G+ การเชื่อมต่อ Wi-Fi ยังรองรับ VoLTE และ VoWiFi (ทดสอบกับซิมการ์ด AIS) รองรับ Wi-Fi สูงสุด -Fi 5 รองรับทั้งย่านความถี่ 2.4GHz และ 5GHz การเชื่อมต่อ Bluetooth คือ Bluetooth 5.0
ติดตามเรื่องไอทีต้องรู้ : ข่าววงการไอที
ติดตามเทคโนโลยีเพิ่มเติม : guruit