รีวิว OPPO Reno10 Series 5G
รีวิว OPPO Reno10 Series 5G
รีวิว OPPO Reno10 Series 5G สมาร์ทโฟนระดับกลางเปิดตัวกล้องถ่ายภาพบุคคลเทเลโฟโต้ 32MP หรือกล้องถ่ายภาพบุคคลซูมพร้อมความสามารถที่ยอดเยี่ยม คุณลักษณะนี้ถูกเพิ่มครั้งแรกในสมาร์ทโฟนซีรีส์ Reno ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม การถ่ายภาพผู้คนให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ด้วยระยะซูมออปติคอล 2 เท่า ทั้ง Reno10 5G และ Reno10 Pro 5G จึงมีฟีเจอร์นี้
OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G มีระบบกล้องหลังที่ทรงพลังสุด ๆ กล้องทุกตัวเป็นกล้องระดับพรีเมี่ยม ประกอบด้วยกล้องหลักความคมชัดพิเศษ 64MP ของ OPPO Reno10 5G และกล้อง Sony IMX890 50MP ของ OPPO Reno10 Pro 5G
โทรศัพท์ทั้งสองรุ่นมีกล้องถ่ายภาพบุคคลเทเลโฟโต้ 32MP ที่ขับเคลื่อนโดยเซ็นเซอร์ RGBW IMX709 ขนาดใหญ่ และให้ความละเอียดสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนในช่วงราคานี้ เป็นกล้องที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตคุณภาพสูง
สามารถถ่ายภาพบุคคลได้ภายในช่วงซูม 2x หรือเทียบเท่ากับทางยาวโฟกัส 47 มม. ของเลนส์กล้องมืออาชีพ คำนี้เป็นคำที่นิยมหมายถึงเลนส์ที่ใช้สำหรับถ่ายภาพบุคคล เลนส์ที่สามคือกล้องมุมกว้างพิเศษที่มีมุมกว้าง 112 องศาและความละเอียด 8MP ทั้งสองรุ่นจะติดตั้งด้วย
บางทีสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือโหมดแนวตั้งของ Reno10 series 5G ซึ่งทำงานได้อย่างสมบูรณ์ สมาร์ทโฟนระดับกลางติดตั้งกล้องเทเลโฟโต้พอร์ตเทรตเป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถซูมออปติคอลได้ 2 เท่าในการถ่ายภาพบุคคลหรือเทียบเท่ากับทางยาวโฟกัสประมาณ 47 มม. สร้างความลึกในมิติต่าง ๆ และระยะทางที่ชัดเจน 1 เท่า
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงช่วงการซูมและช่วงทางยาวโฟกัสจะส่งผลต่อมุมมองในภาพอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งระยะโฟกัสลึกเท่าใด ฉากหลังก็จะยิ่งดูเหมือนยืดออกจากตัวแบบมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเราถ่ายภาพบุคคลพื้นหลังจะมีมิติมากขึ้น
ละลายหลังโหมด Portrait ก็ยังดี ตามสไตล์กล้อง OPPO ปรับหน้าเนียนใส ปรับเป็นธรรมชาติได้ถึง 100 ระดับ เพิ่มโหมดถ่ายภาพบุคคลที่น่าสนใจ เช่น ภาพสี AI และการตัดสีพื้นหลังเป็นขาวดำ
โหมดถ่ายภาพบุคคล Bokeh Fairness ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วของโบเก้ในแบ็คกราวด์และปัดเศษออก ยังเพิ่มความสวยงามและอ่อนหวานให้กับภาพอีกด้วย มีครบทั้งฟิลเตอร์และการปรับรูปหน้า รีทัชให้สวย ใส ถ่ายง่าย รูปก็สวย ใบหน้าก็สวยเหมือนผ่าน Photoshop ในเวลาเดียวกัน
สำหรับภาพถ่ายในโหมดแนวตั้ง ให้ถ่ายภาพก่อน จากนั้นเลือกระยะชัดลึกอีกครั้งหลังจากถ่ายภาพ และทั้งหมดที่กล่าวมายังใช้งานได้กับกล้องหน้าของรุ่น โดยทั้ง 2 รุ่นมีกล้องหน้า 32MP จะมีโหมดการถ่ายโบเก้หลังการละลายที่สามารถซูมได้สูงสุด 2 เท่า และตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติ เล่นกับการตัดสี ภาพสี AI และภาพบุคคลที่มีโบเก้พอใช้ รวมถึงรีทัชใบหน้าที่มีรายละเอียดที่ราบรื่นและชัดเจน เพราะกล้องหน้าสองตัวนี้ปรับได้แทบทุกส่วนของใบหน้า
และทำได้ไม่ดีใน OPPO Reno10 series 5G ในด้านภาพนิ่งเท่านั้น เพราะในแง่ของการบันทึกวิดีโอยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการบันทึกวิดีโอที่สามารถละลายหลังคนแบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์อย่าง AI Color Protrait และ Bokeh Fair Portrait
ที่ครอบตัดสีของภาพเป็นสีแดง เขียว และน้ำเงินสามารถทำได้เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง รวมถึงการรีทัชใบหน้าก็สามารถทำได้แบบเรียลไทม์ขณะบันทึกวิดีโอ ซีรี่ย์นี้ยิงตัวละครเก่งจริง ๆ
จะเห็นได้ว่าในส่วนของสเปคกล้องหลังจะต่างกันแค่เซนเซอร์กล้องหลักเท่านั้น มีความละเอียดสูงสุดที่แตกต่างกัน แม้ว่า OPPO Reno10 Pro 5G จะมีความละเอียดของกล้องหลักต่ำกว่า OPPO Reno10 5G แต่ใช้เซ็นเซอร์แบรนด์ดีจาก SONY IMX890 เป็นเซ็นเซอร์เรือธงขนาดใหญ่ 1/1.56 นิ้ว ขนาดพิกเซล 2.0.4 – in-1μm ตัวกล้องมี OIS กันสั่นในตัว (กล้อง 64MP ultra-clear ของ OPPO Reno10 5G ไม่มี OIS กันสั่น)
หากคุณพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับโทนสี ความเข้ม และความลึกของรายละเอียดของภาพ กล้องหลักของ OPPO Reno10 Pro 5G จะให้รายละเอียดโทนสีและภาพที่จริงจังยิ่งขึ้นซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของกล้อง ในทางตรงกันข้าม OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro
นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่า โดยถึงระดับ 64MP 5G จะใช้ซอฟต์แวร์กล้องเกือบเหมือนกัน รองรับการซูมภาพตั้งแต่การถ่ายภาพมุมกว้าง 0.6 เท่า จนถึงซูมดิจิตอลสูงสุด 20 เท่า สวยทั้งกลางวันและกลางคืน การถ่ายภาพบุคคลและการถ่ายภาพทิวทัศน์ในโหมดกลางคืน ภาพมีความชัดเจนและเอฟเฟ็กต์การลดจุดรบกวนของภาพอยู่ในเกณฑ์ดี
ความแตกต่างระหว่าง OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G ไม่สามารถแยกแยะได้โดยดูจากอุปกรณ์ภายนอก แยกตามสีเฉพาะได้เพราะดีไซน์ตัวเครื่องคล้าย ๆ กัน ตัวเครื่องทั้ง 2 หรูหรา บางเฉียบ น่าสัมผัสสุด ๆ ดีไซน์ตัวเครื่องแบบไฮเปอร์โบลาลอยด์ 3 มิติ บางและถือง่าย หน้าจอด้านหน้าโค้งลง 56 องศา พร้อมฝาหลังโค้ง 3 มิติ
ติดตามเรื่องไอทีต้องรู้ : อุปกรณ์ไอทีมาแรง
ติดตามเทคโนโลยีเพิ่มเติม : guruit
